Support
YourEyeShop
0864096548
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

รังสียูวี UV คืออะไร ส่งผลอย่างไรบ้าง

arai.kor.dai@hotmail.com | 16-03-2559 | เปิดดู 601 | ความคิดเห็น 0

หากเราได้รับแสงยูวีต่อเนื่องในระยะเวลานานๆ นอกจากจะส่งผลให้เกิดต้อเนื้อ ต้อลม ต้อกระจกแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอตาเสื่อม อาจทำให้เกิดโรคตาเรื้อรังเกิดมะเร็งที่ผิวรอบดวงตาได้ เช่นเดียวกับการเกิดมะเร็งผิวหนังทั่วไป

เราป้องกันผิวจากยูวีด้วยครีมผสมสารป้องกันยูวี แล้วตาของเราหละ หลายๆท่านให้ความใส่ใจในการป้องกันผิวจากแสงยูวี แต่มีเพียงไม่กี่ท่านเท่านั้นที่ใส่ใจถึงอันตรายของยูวีที่มีต่อดวงตาด้วย ท่านทราบหรือไม่ว่า แสงยูวีจากธรรมชาติและแสงยูวีที่สังเคราะห์ขึ้นนั้น สามารถทำลายเนื้อเยื่อดวงตาได้ สามารถแผดเผาผิวของดวงตาได้ เช่นเดียวกับอาการผิวไหม้ที่เกิดขึ้น การป้องกันเบื้องต้นที่สามารถทำได้ เช่น ใส่หมวกกันแดดและใส่แว่นตาที่ประกอบด้วยเลนส์ที่มีคุณสมบัติดูดซับหรือ สะท้อนแสงยูวีได้

UV คืออะไร

ยูวีหมายถึงรังสีชนิดหนึ่งจากดวงอาทิตย์ที่เราไม่สามารถมอง เห็นได้ มีช่วงความถี่ระหว่าง 240-400 นาโนเมตร มีพลังงานสูง มนุษย์เราใช้ประโยชน์จากยูวีหลายทาง เช่น ใช้ในการฆ่าเชื้อโรค ใช้วิเคราะห์แร่ เป็นต้น อย่างไรก็ตามยูวีสามารถกระตุ้นให้ดีเอ็นเอเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพ ส่งผลให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีแทนเร่งอายุผิว และก่อให้เกิดเซลล์มะเร็งได้

รังสียูวีแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ ยูวีเอ UVA (ความถี่ระหว่าง 315-400 นาโนเมตร) ยูวีบี UVB (ความถี่ระหว่าง 280-315 นาโนเมตร) และ ยูวีซี UVC (ความถี่ระหว่าง 180-280 นาโนเมตร) โชคดีที่ UVC ถูกชั้นบรรยากาศของโลกสกัดกั้นเอาไว้ เหลือเพียง UVA และ UVB ทะลุผ่านมายังผิวโลก นอกจากนี้รังสียูวีสามารถสังเคราะห์ขึ้น และถูกปล่อยจากอุปกรณ์ต่างๆ ด้วย เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดแบล๊คไลต์หน้าจอคอมพิวเตอร์

ผลกระทบของแสงยูวีที่มีต่อตา

รังสียูวีเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดการกระตุ้นให้เกิด การเปลี่ยนแปลงต่อเซลล์เนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิต และแน่นอนที่สุดก็ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของตาได้มากมาย เลนส์ตามีหน้าที่ดูดซับยูวี เพื่อป้องกันไม่ให้แสงยูวีไปทำอันตรายต่อจอได้ เมื่อมีการสะสมของยูวีมากขึ้นเลนส์ก็จะขุ่นมัวและทำให้เกิดต้อกระจกได้ ส่วนเยื่อบุตา และกระจกตาก็เป็นด่านแรกที่ทำหน้าที่กรองยูวีเช่นกัน เมื่อได้รับยูวีมากขึ้นก็จะทำให้เยื่อบุตาเกิดอาการระคายเคือง ตาแดง แสบตา น้ำตาไหล  เมื่อเป็นมากเข้าก็จะเกิดเป็นต้อเนื้อ ต้อลม ต้อจะโตขึ้นเรื่อยๆ จนล้ำตาดำบดบังการมอง ทำให้การมองเห็นผิดปกติไปได้

จากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่าหากเราได้รับแสงยูวีต่อ เนื่องในระยะเวลานานๆ นอกจากจะส่งผลให้เกิดต้อเนื้อ ต้อลม ต้อกระจกแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอตาเสื่อม อาจทำให้เกิดโรคตาเรื้อรัง เกิดมะเร็งที่ผิวรอบดวงตาได้ เช่นเดียวกับการเกิดมะเร็งผิวหนังทั่วไป

ปัจจัยเสี่ยง
แสงยูวีจะมีความเข้มข้นมากในช่วงระหว่างวันโดยเฉพาะเวลาประมาณ 10 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมง แสงยูวีสามารถสะท้อนบนพื้นผิวต่างๆ ได้ เช่น พื้นหิมะ พื้นทราย ฉะนั้นปริมาณความเข้มของแสงยูวีจะมีค่อนข้างมาก กลุ่มคนที่ทำงานในพื้นที่เหล่านี้ เช่น บริเวณไร่นา ชายหาด ชานทะเล หรือบริเวณกลางแจ้ง ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเลือกสวมแว่นกันแดดที่กันยูวีได้ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนและประเทศที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตร นอกจากนี้ เด็กยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กมักจะใช้เวลาวิ่งเล่นกลางแจ้งมากกว่าผู้ใหญ่และโครงสร้างรู ม่านตาในเด็กจะขยายตัวกว้างกว่าผู้ใหญ่ ทำให้รับแสงยูวีผ่านเข้าสู่ภายในตาได้มากกว่าผู้ใหญ่

แนวทางการป้องกันรังสียูวี
เราสามารถปกป้องดวงตาจากรังสียูวีด้วยวิธีง่ายๆ โดยเลือกใส่แว่นกันแดดหรือแว่นสายตาที่มีคุณสมบัติป้องกัน รังสียูวีอย่างน้อย 99-100 เปอร์เซ็นต์รวมทั้งการเลือกใส่หมวกที่มีปีกขอบกว้างๆ ขณะทำงานในกลางแจ้งหรือขณะเล่นกีฬาหรือทำธุระต่างๆ ในที่แจ้ง การเลือกสีเลนส์กันแดดที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความสบายตามองภาพได้ชัด ไม่บิดเบือน

สำหรับทุกท่านที่ใส่แว่นสายตา อย่าลืมถนอมสายตาด้วยการเคลือบสาร UVX  บนผิวเลนส์เพื่อผลดีต่อสุขภาพตาในระยะยาว

 

Credit - http://www.taalook.com/article_6.html

ความคิดเห็น

วันที่: Sun Jun 08 05:20:26 ICT 2025

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0